UK ประกาศยุติผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเร็วขึ้นอีก 1 ปี หวังส่งผล COP26
สหราชอาณาจักร (United Kingdom, UK) ประกาศยุติการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินภายในตุลาคม 2567 ซึ่งเร็วขึ้นจากกำหนดเดิม 1 ปี หวังกระตุ้นผู้นำประเทศทั่วโลกร่วมลดปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม และเห็นผลในเวทีเจรจาโลกร้อน COP26 ที่จะจัดขึ้นปลายปีนี้ และสหราชอาณาจักรเป็นเจ้าภาพ
ยุติเร็วขึ้นหนึ่งปี
แอน มารี เทร็ฟเวเลียน รัฐมนตรีด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกาศว่าสหราชอาณาจักรจะยุติการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2567 ซึ่งจะเร็วกว่าที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ 1 ปี
“นับเป็นก้าวสำคัญในแผนของรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่จะไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงานและเลิกมีส่วนร่วมในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายในปีพ.ศ.2593
ส่งสัญญาณผู้นำทั่วโลกร่วมลงมือ
“เป็นการยืนยันถึงเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรที่ได้ประกาศไว้เมื่อปีที่แล้วว่าจะเร่งยุติการผลิตกระแสไฟฟ้าจากการเผาถ่านหินให้เร็วยิ่งขึ้น
ตอกย้ำให้เห็นความเป็นผู้นำที่จะขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้เร็วกว่าและล้ำหน้ากว่าประเทศอื่น ๆ โดยดำเนินการเป็นตัวอย่างในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก่อนถึงการประชุม COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ซึ่งสหราชอาณาจักรเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้สหราชอาณาจักรขอเรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ เร่งการยุติการใช้พลังงานจากถ่านหินเช่นเดียวกัน
พลังงานถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดตัวหนึ่งและเป็นตัวการที่ทำให้เกิดมลพิษในอากาศ หากยุติการใช้พลังงานถ่านหินในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ สหราชอาณาจักรจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยจำกัดอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ทั้งนี้เมื่อปี 2563 สหราชอาณาจักรมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินคิดเป็นร้อยละ 1.8 ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนร้อยละ 40 เมื่อเกือบสิบปีก่อน
การประกาศนี้ออกมาก่อนที่รัฐมนตรีด้านพลังงานฯ เทร็ฟเวเลียนจะขึ้นกล่าวในงานประชุม Powering Past Coal Alliance (PPCA) Europe Roundtable ในวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัปดาห์แห่งการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศลอนดอน (London Climate Action Week) โดยเธอได้กล่าวถึงความสำคัญที่ประเทศต่าง ๆ จะต้องยุติการให้เงินสนับสนุนพลังงานถ่านหิน และแนวทางการดำเนินงานที่บริษัทเอกชนจะสามารถร่วมผลักดันประเด็นนี้ได้” ข่าวแถลงฯ ระบุ
อ่านเพิ่มเติม : https://greennews.agency/?p=24260 (Green News)